ฤดูหนาวในยุคสมัยหนึ่ง เหล่าแวมไพร์ได้ปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับโรคระบาดที่คร่าชีวิตผู้คนมากมาย เหล่ามนุษย์ที่รอดชีวิตได้รวมกลุ่มกันและจัดตั้ง เมืองแห่งแสง ซึ่งเปิดไฟสว่างไสวทั้งวันเพื่อกันแวมไฟร์เข้ามาได้ แต่ในเมืองมีทรัพยากรจำกัด ทหารของเมืองแห่งแสงจึงพยายามขยายเมืองออกไปเรื่อย ๆ มีการต่อสู้แย่งชิงพื้นที่กันระหว่างมนุษย์และแวมไพร์ตลอดเวลา เกิดเป็นสงครามที่ยืดเยื้อ
โมโม่ หญิงสาวผู้มีแม่เป็นผู้บังคับบัญชากองกำลังทหาร เธอขาดความรักความอบอุ่นจากแม่ที่นิสัยแข็งกร้าว และแม่ได้ใช้เส้นสายยัดโมโม่เข้าร่วมกองทัพ เธอไม่มีฝัน ได้แต่ทำตามบทบาทที่ผู้เป็นแม่วางไว้ให้ แต่วันหนึ่งเธอได้พบกับกล่องดนตรี เธอตกกลุ่มรักเสียงเพลง ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เพราะถือว่าเป็นศิลปะของพวกแวมไพร์
ฟิเน่ แวมไพร์สาวผู้ได้รับการคัดเลือกจากเผ่าพันธุ์แวมไพร์ว่าเหมาะสมกับการเป็นราชินี แต่เธอไม่ชอบการใช้ชีวิตเยี่ยงแวมไพร์ ไม่ชอบการออกล่าเลือดมนุษย์ เธอรักเสียงเพลง การเต้นรำ และการทำสวน วันหนึ่งเธอได้เจอกับโมโม่ ทั้งสองเข้าใจความรู้สึกกันและกัน เพราะต่างไม่พอใจบทบาทที่เผ่าพันธุ์ตัวเองยัดเยียดให้
สายสัมพันธ์ระหว่างโมโม่และฟิเน่เป็นเรื่องต้องห้าม ทั้งคู่ถูกตามล่าทั้งจากฝ่ายมนุษย์และแวมไพร์ เพราะต่างฝ่ายต่างเชื่อว่าสองเผ่าพันธุ์นี้ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ โมโม่และฟิเน่ออกเดินทางเร่ร่อนไปทั่ว เพื่อตามหาสถานที่ในภาพวาดซึ่งมนุษย์และแวมไพร์อาศัยอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ แต่ก็ไม่มีอะไรมายืนยันว่าสถานที่แห่งนั้นมีอยู่จริง
แวมไพร์ในสวน (Vampire in the Garden) ผลงานอนิเมะออริจินอลของ Netflix สร้างโดย WIT STUDIO มีความยาวเพียง 5 ตอนจบ ตอนแรกที่ผมเห็นอนิเมะเรื่องนี้บน Netflix ผมเก็บไว้ใน watchlist เพราะเห็นว่าภาพสวนดี แต่จากชื่อเรื่องไม่มีความดึงดูดใจและจินตนาการไม่ออกว่าเรื่องราวจะเกี่ยวกับอะไร จนดองมาและดูแล้วพบว่าเรื่องนี้ดีมาก ผมชอบมาก
บรรยากาศในเรื่องปกคลุมด้วยหิมะ ให้ความรู้สึกหนาวเหน็บและเปลี่ยวเหงา เป็นความรู้สึกเดียวกับตัวละครสาวทั้ง 2 ตัวที่รู้สึกว่าโลกนี้ไม่มีพื้นที่สำหรับพวกเธอเลย โมโม่และฟิเน่เป็นตัวแทนของคนที่มีความคิดขบถต่อขนบธรรมเนียมที่ยึดถือของเผ่าพันธุ์ตัวเอง เป็นตัวแทนของคนสมัยนี้ที่ต้องทนทุกข์กับการใช้ชีวิตที่ตัวเองออกแบบไม่ได้
อารมณ์ระหว่างดูเรื่องนี้เต็มไปด้วยความหวังและความเศร้า ผมรู้สึกสงสารตัวละครทั้งสองตัวที่พยายามหาพื้นที่ปลอดภัยให้ตัวเอง ผมพยายามเอาใจช่วยให้พวกเธอเจอที่แบบนั้น และหวังว่าคนเขียนจะไม่ใจร้ายกับเธอเกินไป และรู้สึกเศร้าไปกับพวกเธอที่ถูกกีดกันความสัมพันธ์ พล็อตเรื่องนี้คล้ายนิยายคลาสสิค โรมิโอกับจูเลียต ถือว่าเป็นการเอาพล็อตเก่ามาเป็นแม่แบบเพื่อสร้างงานรสชาติใหม่ได้อย่างเก่งกาจมาก
เรื่องนี้มีกลิ่นอายยูริ หลัง ๆ กลิ่นนี้ยิ่งชัดเจนขึ้น ผมที่ไม่คิดว่าจะอินกับความรักระหว่างผู้หญิงกับผู้หญิง แต่พอดูเรื่องนี้กลับรู้สึกเจ็บปวดไปกับพวกเธอ เรื่องนี้ช่วงหลังเศร้ามาก เศร้าลึก เศร้าจริงจัง แต่ก็สวยงามครับ ใครที่สุขภาพจิตใจไม่มั่นคง ลองพิจารณาตัวเองดี ๆ ก่อนชมเรื่องนี้ครับ สำหรับผมชอบเรื่องนี้มาก เป็นไปได้ก็อยากให้ทุกคนได้รับประสบการณ์ระหว่างรับชมแบบเดียวกับผมครับ